วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562

ความหมายและ ตำนานใบโคลเวอร์ ใบไม้แห่งความโชคดี

ความหมายและ ตำนานใบโคลเวอร์ ใบไม้แห่งความโชคดี

ใบโคลเวอร์ (leaf clover) ปกติแล้วใบของต้นโคลเวอร์ทั่วไปจะมีเพียง 3 แฉก ซึ่งว่ากันว่า ในต้นโคลเวอร์หนึ่งพันต้นนั้น จะพบใบโคลเวอร์ 4 แฉก (Four leaf clover) ได้เพียงใบเดียวเท่านั้น โอกาสพบใบโคลเวอร์ 4 แฉกจึงเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากมาก

 คนญี่ปุ่นจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องใบไม้แห่งความโชคดี (4 Leaf Clover)ถ้าหากใครได้เจอใบไม้ 4 แฉกแบบนี้ จะพบกับความโชคดี โดยเฉพาะเรื่องความรัก



ต้นโคลเวอร์จัดอยู่ในพืชตระกูล trifolium repens กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีตั้งแต่เมื่อใดยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่มีบันทึกไว้ชัดเจนในยุคกลางของยุโรปประมาณ คริสต์ศวรรษที่ 17 ซึ่งกล่าวเอาไว้ว่า เป็นวัฒนธรรมเคลติก ( celtic ) ที่พูดถึงใบโคลเวอร์สีขาว ว่า "เป็นเครื่องหมายโชคลางถึงความโชคดีของชาวเคลต์" ซึ่งเป็นชนชาติดั้งเดิมในแคว้นเวลส์ (ชนชาติดั้งเดิมของประเทศอังกฤษในปัจจุบัน)




ฟิลิปปาวอริ่ง ได้เขียนถึงความเชื่อเกี่ยวกับใบโคลเวอร์เอาไว้ว่า "หากพบใบโคลเวอร์ 4 แฉก เป็นความหมายว่าจะได้พบกับรักแท้ และในวันเดียวกันนั้น ถ้ามอบใบโคลเวอร์ 4 แฉกให้กับใคร ก็จะได้พบกับความโชคดีแบบคาดไม่ถึง แม้ในยามสงคราม หากนักรบประดับใบโคลเวอร์ 4 แฉกไว้บนปกเสื้อ มันจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยได้"

ในทุกวันนี้บรรดาเครื่องรางนำโชคต่างๆ มากมายก็นิยมทำเป็นรูปจำลอง ซึ่งใบโคลเวอร์ก็เช่นกัน ได้มีการจัดทำเป็นใบจำลอง 4 แฉกเพื่อเป็นเครื่องรางมงคลประจำตัว หลายคนเชื่อกันว่า หากมีมันไว้ในครอบครองแม้เพียงใบเดียวหรือชิ้นเดียว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เดินทางไกล ก็จะพบแต่ความโชคดีตลอดไป 




และเพราะความเชื่อนี้เอง จึงทำให้ในปัจจุบันได้มีการนำเอาใบโคลเวอร์มาเป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนของความโชคดี หรือรักแท้ ด้วยการนำมาทำเป็นเครื่องประดับ เช่น จี้ห้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน 
ต่างหู เป็นต้น ชาวสนุก!ดูดวงคนไหนที่อยากมีความเชื่อในเรื่องนี้อยากโชคดี อยากเจอรักแท้ ลองหาเครื่องประดับที่เป็นใบโคลเวอร์มีใส่ติดตัวดูสิคะ คุณอาจจะโชคดีขึ้นก็เป็นได้

ขอขอบคุณ ข้อมูล จาก www.sanook.com



วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

ลองอ่านแนวคิด 21 ข้อ ว่าจริงตามนั้นหรือไม่

ลองอ่านแนวคิด 21 ข้อ ว่าจริงตามนั้นหรือไม่

1. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม เติบโตด้ยการจูบ และ จบลงด้วยน้ำตา
2. อย่าเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่เคยรักใครและไม่เคยเสียน้ำตาให้กับคุณ
3. ถ้ารักไม่ใช้เกมส์ในมือถือ ทำไมจึงต้องมีผู้เล่นเกมส์รักหลายคน
4. คุณไปได้ไกลเท่าที่คุณคิดและผลักดันตัวตนของตัวเอง
5. การกระทำใด ๆ ดังกว่าคำพูดเป็นพันคำ
6. สิ่งที่ยากที่สุด คือ การมองดูคนที่คุณรักมากที่สุด ไปรักคนอื่น
7. อย่าปล่อยให้อดีตยึดตัวคุณไว้ เพราะคุณจะพลาดสิ่งดี ๆ ที่จะผ่านมา
8. เพื่อนที่ดีนั้นหายาก แต่จะยากกว่าในการจะลาจาก
9. ชีวิตนั้นสั้นนัก ถ้าครั้งหนึ่งในชีวิต คุณไม่หยุดมองดูมันให้กว้าง ๆ ทั่ว รอบตัวคุณสักครู่
    แล้วคุณจะรู้ว่าคุณพลาดอะไรไปบ้าง
10. เพื่อนที่ดีที่สุด ก็เหมือนกับใบโคลเวอร์ สี่แฉก ยากที่จะเจอ และ เมื่อได้มาก็โชคดีที่มีมัน
11. คนบางคนทำให้โลกนี้เป็นโลกที่แสนวิเศษเพียงแค่มีเค้าอยู่ใกล้ ๆ
12. มิตรแท้ คือ พี่ น้อง ที่พระเจ้า ลืมให้มาเกิดในครอบครัวเดียวกันกับเรา
13. เมื่อคุณเจ็บปวดที่จะมองหันหลังกลับ และหวาดกลัว ที่จะมองไปข้างหน้า
แต่เมื่อคุณมองไปข้าง ๆ คุณจะเจอเพื่อนที่ดีที่สุดอยู่ข้าง ๆ กาย
14. มิตรภาพที่แท้จริงไม่มีวันจบสิ้น
15. มิตรแท้คงอยู่ตลอดไป
16. เพื่อนที่ดีเหมือนดวงดาว คุณจะไม่ได้พบเห็นเค้าตลอดเวลา แต่เค้าก็จะอยู่
ข้างกายเราเสมอ
17. อย่ามัวหน้างอ คิ้วขมวดอยู่เลย คุณไม่รู้หลอกว่ามีคนแอบรักรอยยิ้มของคุณ
18. คุณจะทำอย่างไรเมื่อคนๆ เดียวที่ทำให้คุณหยุดร้องไห้ ทำให้คุณนร้องไห้ซะเอง
19. ไม่มีใครสมบูรณื จนกระทั้งคุณตกหลุมรักเค้า
20. ทุกอย่างจะจบแบบ Happy แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นแสดงว่าเรื่องยังไม่จบ
21. คนส่วนมากผ่านมาและผ่านไป แต่จะมีเพียงเพื่อนเท่านั้นที่ทิ้งรอยเท้าไว้ในใจคุณ



ขอขอบคุณ ข้อมูล เว็บยิ้มละมุน

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2562

ลูกมีผื่นคันเป็น ๆ หาย ๆ อาจจะแพ้โปรตีนนมวัว

โดย น.อ.หญิง พญ. ศศวรรณ ชินรัตนพิสิทธิ์
กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้ หัวหน้าศูนย์โรคภูมิแพ้ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช


1. ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัวบ่อยๆ คงเพราะผิวหนังยังบอบบางทายาแก้อาการก็หาย

ผื่นผิวหนังอักเสบ มีอาการคันที่เป็นๆ หายๆ ลักษณะผื่นเป็นเรื้อรัง เมื่อได้รับการรักษาโดยแพทย์ แต่ยังไม่หายขาด มีโอกาสสูงที่จะเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (atopic dermatitis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบ เรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยพันธุกรรมทำให้หน้าที่ป้องกันเชื้อโรคของผิวหนังผิดปกติ ร่วมกับมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ที่ผิดปกติ ได้แก่ อาหาร โดยเฉพาะ ที่พบบ่อยในเด็กเล็ก คือ นมวัว ไข่ ถั่วเหลือง แป้งสาลี ส่วนสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ เช่น ไรฝุ่น และแมลงสาบ มีรายงานในกลุ่มทารกและเด็กเล็กที่ เป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มีความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมากนั้น มักมีการแพ้อาหารร่วมด้วย



อาการแพ้โปรตีนนมวัวพบได้บ่อยในเด็กวัยทารก อาจเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังทำ หน้าที่ได้ไม่ดี หรือทำหน้าที่ผิดปกติ มีปฏิกิริยาต่อโปรตีนในนมวัว โดยอาการส่วนใหญ่จะเกิดภายใน 1 สัปดาห์หลังได้รับนมวัว อาจแสดงอาการได้หลายระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบผิวหนัง เช่น ผื่นแพ้                 ระบบทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง หรือมีมูกเลือด และระบบทางเดินหายใจ เช่น หายใจครืดคราด จาม ไอ มีน้ำมูก เด็กส่วนใหญ่จะมีอาการแสดงมากกว่า 1 ระบบ บางคนแสดงอาการแพ้ภายในเวลาประมาณ 30 นาทีหลังกินนมวัว โดยอาจมีอาการคือ ผิวหนังเป็นผื่นลมพิษ ไอ หอบหืด น้ำมูกไหล อาเจียน ซึ่งเป็นจุดเริ่ม ต้นที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กทารก




     การจะรู้ได้ว่าผื่นคันของลูกเกิดจากอาการแพ้โปรตีนนนมวัวหรือไม่นั้น คุณแม่อาจทดสอบและ ลองสังเกตอาการลูกเองก่อน โดยการให้ลูกงดนมวัวประมาณ 1- 2 สัปดาห์ หากอาการผื่นคันหายไป หลังจากนั้นลองให้ลูกกินนมวัวอีกครั้ง ถ้าผื่นกลับมาเป็นอีกก็เป็นไปได้ว่าอาจเเพ้นมวัว หากสงสัยว่าลูก มีอาการเเพ้นมวัวควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์โรคภูมิแพ้เพื่อวินิจฉัยอีกครั้งเพื่อความแม่นยำ โดยการซัก ประวัติของเด็กและพ่อแม่ ตรวจร่างกาย และอาจทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (skin prick test) หรือการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม

     หากพบว่าผื่นคันของลูกเกิดจากอาการแพ้โปรตีนนมวัวจริงๆ แพทย์จะพิจารณาถึงแนวทางการ รักษา โดยการแนะนำให้เด็กกินนมแม่ดีที่สุด โดยแม่ต้องงดนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว แต่หากเด็ก ไม่ได้กินนมแม่ แพทย์จะแนะนำให้เด็กกินนมสูตรพิเศษ สำหรับรักษาอาการแพ้โปรตีนนมวัวชนิด Extensively Hydrolyzed Formula คือนมที่ผ่านการย่อยโปรตีนอย่างละเอียด ทำให้มีโปรตีนขนาดเล็ก ไม่กระตุ้น ให้เกิดอาการแพ้ นมสูตรนี้มี 2 ชนิด คือ สูตรโปรตีนเวย์ และสูตรโปรตีนเคซีนที่มีการเสริมจุลินทรีย์สุขภาพ LGG ที่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยให้เด็กหายขาดจากอาการแพ้โปรตีนนมวัว และกลับมาดื่มนมสูตรปกติได้เร็ว หรือนมถั่วเหลือง (ในเด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป และไม่แพ้นมถั่วเหลือง) ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือเด็กที่แพ้นมวัวรุนแรง อาจให้กินนมสูตรกรดอะมิโน (Amino Acid ) และรักษาอาการแพ้ ที่เกิดขึ้น ด้วยยาที่เหมาะสม



เป็นความเชื่อที่ผิด อันที่จริงเด็กเล็กที่มีอาการคัดแน่นจมูก น้ำมูกใส จาม และคันจมูกบ่อยๆ ลักษณะเรื้อรัง โดยไม่มีไข้ อาการเหล่านี้ไม่ใช่หวัด ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และให้การรักษาที่เหมาะสม จากอาการข้างต้นอาจเป็นโรคเยื่อบุจมูกอักเสบ และถ้าไม่มีไข้ มีอาการเรื้อรัง มีโอกาสที่จะเป็น โรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) โรคนี้พบได้ทุกอายุ ผู้ป่วยเด็กร้อยละ 20 เริ่มมีอาการภายในอายุ 2-3 ปี ร้อยละ 40 มีอาการใน 6 ปีแรกและอีกร้อยละ 30 เริ่มมีอาการในช่วงวัยรุ่น แต่พบว่าโอกาสการเกิดโรคนี้ในขวบปีแรกเพิ่มขึ้นในเด็กที่ได้รับอาหารเสริมเร็ว เช่น นมวัว ไข่ แม่สูบบุหรี่ การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น รังแคสัตว์เลี้ยง ไรฝุ่น ดังนั้นในเด็กเล็กถ้ามีอาการทางระบบหายใจที่เรื้อรัง ควรนึกถึงเรื่องการแพ้อาหาร โดยเฉพาะ อย่างยิ่งคือ นมวัว


       การแพ้โปรตีนนมวัว อาจแสดงได้หลายระบบ ทั้งระบบผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร และระบบ ทางเดินหายใจ ซึ่งจะแสดงอาการหายใจครืดคราด มีน้ำมูก มีเสมหะ ไอ จาม คล้ายๆ กับเป็นหวัด ทำให้ พ่อแม่เข้าใจผิดได้ เด็กส่วนใหญ่จะมีอาการแสดงมากกว่า 1 ระบบ การวินิจฉัยโดยทั่วไป อาจจะใช้การ ทดสอบทางผิวหนัง (skin prick test) ซึ่งเป็นการตรวจที่มีความน่าเชื่อถือ หรือการตรวจ IgE ที่จำเพาะต่อ นมวัว วิธีนี้มีความไวน้อยกว่าการทดสอบทางผิวหนัง หากการตรวจให้ผลบวก การแปลผลเหมือนการ ทดสอบทางผิวหนัง แต่เด็กที่มีภาวะภูมิไวต่อนมวัว ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาแพ้นมวัวจริง วิธีการวินิจฉัยอาการแพ้โปรตีนนมวัวที่แน่นอนคือการงดนมวัว ในกรณีที่เด็กอาการดีขึ้นหลังจากการงดอาหารที่มีโปรตีนนมวัว เป็นการยืนยันว่าอาการของเด็กเกิดจากการแพ้โปรตีนนมวัวจริง

อาการแพ้โปรตีนนมวัวนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบว่าถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกจะมีความเสี่ยงสูง ต่อการแพ้โปรตีนนมวัวด้วย อาการแพ้โปรตีนนมวัวส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายได้ เมื่อได้รับการดูแล รักษาอย่างเหมาะสม

การแพ้โปรตีนนมวัวสามารถเกิดได้ทั้งในเด็กที่กินนมผงดัดแปลงสำหรับทารกแรกเกิด และเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว เพราะถ้าแม่ที่ให้นมลูกแล้วดื่มนมวัวหรือกินอาหารที่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากนมวัว จะมีโปรตีนนมวัวผสมออกมาในน้ำนมแม่ทำให้เด็กแพ้โปรตีนนมวัวในนมแม่ได้
การรักษาโรคนี้ มีแนวทางปฏิบัติคือ งดนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัวเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในกรณีที่เด็กกินนมแม่แต่แพ้นมวัว แนะนำให้แม่หลีกเลี่ยงการกินนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ในกรณีที่ไม่ได้กินนมแม่ แนะนำให้เด็กกินนมสูตรพิเศษสำหรับรักษาอาการแพ้โปรตีนนมวัวชนิด Extensively Hydrolyzed Formula ที่มีกระบวนการย่อยให้โปรตีนมีขนาดเล็ก ไม่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ในเด็กที่แพ้ไม่รุนแรงมาก หรือนมสูตรกรดอะมิโน หรือนมถั่วเหลือง (ในเด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป และไม่แพ้นมถั่วเหลือง) จะช่วยให้เด็กอาการดีขึ้นได้

 3. เมื่อลูกแพ้โปรตีนนมวัว ให้กินนมผงสูตรโปรตีนที่ย่อยบางส่วนแทนนมสูตรปกติได้

เป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ การรักษาเด็กที่มีอาการแพ้โปรตีนนมวัว ควรให้นมสูตรโปรตีนย่อยอย่าง ละเอียด หรือ Extensively Hydrolyzed Formula ซึ่งโปรตีนในนมจะถูกย่อยจนได้เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก และบางส่วนอาจถูกย่อยจนเป็นกรดอะมิโน ทำให้ไม่กระตุ้นอาการแพ้ ซึ่งเป็นสูตรที่มีการกำหนดโดย สถาบันกุมารแพทย์อเมริกัน (American Academy of Pediatrics) ว่าเมื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ โปรตีนนมวัวแล้ว จะต้องไม่เกิดอาการแพ้ร้อยละ 95 ของผู้ป่วย เนื่องจากนมสูตรโปรตีนย่อยอย่างละเอียด Extensively Hydrolyzed Formula มีคุณสมบัติเป็น Hypoallergenic Formula ประกอบด้วยโปรตีนสาย สั้น และมีปริมาณโปรตีนขนาดใหญ่ (β-lactoglobulin) น้อยมาก จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และสามารถ นำมารักษาผู้ป่วยที่มีภาวะแพ้โปรตีนนมวัวได้ โดยนมสูตรโปรตีนย่อยอย่างละเอียด Extensively Hydrolyzed Formula มี 2 ชนิด คือชนิดโปรตีนเคซีน และชนิดโปรตีนเวย์ย่อยละเอียด โดยชนิดโปรตีนเคซีนย่อยละเอียด ในปัจจุบันมีการเสริมจุลินทรีย์สุขภาพ LGG ที่มีงานวิจัยยืนยันว่าใช้รักษาอาการแพ้โปรตีนนมวัวให้หายขาดได้ ทำให้เด็กสามารถกลับมาดื่มนมสูตรปกติได้เร็ว ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


ส่วนนมผงสูตรโปรตีนที่ย่อยบางส่วน (Partially Hydrolyzed Formula) มีโปรตีนน้ำหนักโมเลกุล ใหญ่จำนวนมาก ซึ่งยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ในเด็กที่มีภาวะแพ้โปรตีนนมวัวได้ถึงร้อยละ 30-40 จึงไม่เหมาะในการรักษาเด็กที่มีอาการแพ้โปรตีนนมวัว เพราะเสี่ยงต่อการที่เด็กยังคงมีอาการแพ้อยู่


ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.enfababy.com

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2562

หลังภาวะแท้งบุตร ทิ้งระยะเวลาเท่าไหร่จึงมีเพศสัมพันธ์ได้และปลอดภัย

ต้องรอนานแค่ไหน และทำไมคุณอาจจะไม่รู้สึกอยากกอดจูบลูบคลำมากนัก?



หลังจากภาวะแท้งบุตร แพทย์มักจะแนะนำให้รอสักพักก่อนจะมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง หลายคนเชื่อว่าคุณแม่หลายท่านคงมีความสงสัยว่านานแค่ไหนกัน? ซึ่งการกลับมามีเพศสัมพันธ์หลังแท้ง หรือมีเลือดออกจากช่องคลอดจะมีความปลอดภัยก็ต่อเมื่อเลือดหยุดไหล ซึ่งมักเกิดขึ้นภายในสองสัปดาห์

เหตุผลอีกอย่าง คือ สภาพปากมดลูกมักจะขยาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับตัวทางกายภาพ ของภาวะแท้งบุตร อันหมายถึงการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อในมดลูกด้วย เมื่อเลือดหยุดออก ปากมดลูกจะปิด ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทันทีหลังจากมีภาวะแท้งบุตร แพทย์ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และไม่ควรสอดใส่อะไรเข้าไปในช่องคลอดทั้งนั้น

ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หลังจากมีภาวะแท้งบุตร ยกเว้นคุณต้องการตั้งครรภ์ทันที ขณะมีเพศสัมพันธ์ควรใช้รูปแบบของการคุมกำเนิดแบบอื่นๆ เพราะมีโอกาสสูงที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง หลังภาวะแท้งบุตรสองสัปดาห์ โดยมากแพทย์จะแนะนำให้รอสักพักก่อนจะมีการตั้งครรภ์อีกครั้ง หรือถ้ากรณีคุณยังรู้สึกไม่พร้อม


ภาวะแท้งบุตรจะทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นท้องแรกของคุณ ซึ่งเป็นความรู้สึกปกติ ไม่มีใครคาดว่าจะมีภาวะแท้งบุตรเมื่อมีผลทดสอบตั้งครรภ์ที่เป็นบวก การสูญเสียครรภ์ทำให้เกิดบาดแผลในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยากมีบุตร ถึงแม้ยังไม่อยากมีบุตร เมื่อคุณเริ่มตั้งครรภ์คุณก็ได้สร้างความผูกพันกับทารกที่ก่อตัวขึ้นมาในครรภ์แล้ว

คุณต้องให้เวลาตัวเองกับความเสียใจที่เกิดขึ้น คุณอาจไม่ต้องการที่จะให้ใครสัมผัสอย่างใกล้ชิด หรืออยากอยู่คนเดียวแทนที่การมีเพศสัมพันธ์   ซึ่งจะใช้เวลานานแค่ไหนกับความเสียใจนี้ก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน  ดังนั้นควรใช้เวลานานเท่าที่คุณต้องการดีกว่า

สรุปก็คือ อาการปวดท้อง และเลือดที่ไหลจะค่อยๆหายไปภายในสองสัปดาห์ แต่ถ้าหากมีไข้ เลือดมีกลิ่นเหม็น หรือเลือดไม่หยุดไหล ควรรีบมาพบแพทย์เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้ หลังจากเลือดหยุดแล้วควรกลับไปพบแพทย์อีกรั้งเพื่อตรวจภายใจ และฟังผลตรวจชิ้นเนื้อแท้งด้วยซึ่งในกระบวนการนี้แพทย์จะตรวจมะเร็งปากมดลูกไปให้ด้วยเลย เพื่อดูสุขภาพโดยรวมของคุณแม่นั่นเอง

ดังนั้น ควรงดการมีเพศสัมพันธ์หลังแท้ง 1 เดือน และคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆเป็นเวลา 3 เดือน ด้วยการใส่ถุงยางอนามัย กินยาคุม หรือฉีดยาคุม เป็นต้น หรือจนกว่าแพทย์จะแนะนำให้มีอีกที ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสุขภาพที่ดีที่พร้อมที่สุดของคุณแม่เอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.honestdocs.co

ผื่นแพ้ในเด็ก เกิดจากอะไรบ้าง และ ทำยังไงดี

บทความนี้มาจาก
รีวิวโดยทีมแพทย์และเภสัชกร HonestDocs วันที่ 01/02/2562


ผื่นแพ้ (Eczema หรือ Atopic dermatitis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยและน่าท้อแท้ใจสำหรับทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูก โดยเฉพาะคุณลูก เพราะนอกจากจะไม่มีทางหายแล้วยังรักษาได้ยาก คุณพ่อคุณแม่มักได้รับคำแนะนำที่แตกต่างกันทำให้เข้าใจยากไปเกี่ยวกับการรักษาลูกของตัวเอง สาเหตุเกิดจากผิวหนังแห้งและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายเพราะมีการสร้างเซราไมด์ (Ceramide) ที่ผิวหนังน้อยเกินไป


อาการของพื้นแพ้ในเด็ก เกิดจากอะไร


อาการหลักของผื่นแพ้ คือ ผื่นคันที่เห็น ซึ่งอาจมีสีแดง สัมผัสดูแล้วรู้สึกผิวหยาบหนาหรือระคายเคือง หรืออาจมีผิวลอกเป็นขุยและเยิ้มแฉะก็ได้ ผื่นชนิดนี้มักเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ในวัยทารกและเป็นต่อเนื่องไปได้จนถึงอายุ 5 ปี แม้ว่าการรักษาจะช่วยควบคุมไม่ให้อาการกำเริบและหายไปได้ แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ผู้ป่วยมักจะกลับมามีอาการอีกเป็นครั้งคราว

ในการวินิจฉัยผื่นแพ้ของน้อง

ในการวินิจฉัยผื่นแพ้ทำได้โดยดูจากลักษณะของผื่นคันที่ตำแหน่งเฉพาะของโรค ได้แก่ หน้าผาก แก้ม แขนและขาในทารก และด้านในบริเวณรอยพับของข้อศอก เข่า และข้อเท้าในเด็กโต บางครั้งผื่นแพ้ก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผื่นคันชนิดอื่น เช่น ผื่นแพ้สัมผัส ผดร้อน เซบเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) และผื่นโรคสะเก็ดเงิน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่เกิดผื่น ตำแหน่งที่มีผื่น และรูปแบบการกระจายตัวของผื่นจะช่วยให้กุมารแพทย์บอกได้ว่าผื่นนี้เป็นผื่นแพ้หรือเป็นผื่นชนิดอื่นๆ กันแน่

ในการป้องกันผื่นแพ้กำเริบต้องทำยังไง

พ่อแม่สามารถศึกษาความรู้พื้นฐานของการป้องกันผื่นแพ้กำเริบ ในช่วงเวลาที่ผื่นของลูกแย่ลง อันประกอบไปด้วย การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นผื่นแพ้ที่รู้อยู่แล้ว เช่น น้ำยาซักผ้า สบู่ ฟองสบู่ ไรฝุ่น อาหารที่แพ้ อากาศร้อนและเหงื่อ เสื้อผ้าขนสัตว์และใยสังเคราะห์ เป็นต้น นอกจากนี้การรักษาผิวของลูกให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากการระบุและหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นนั้นทำได้ยาก การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการกำเริบของผื่นแพ้ โดยคุณควรอาบน้ำให้ลูกวันละหนึ่งหนด้วยน้ำที่อุ่นน้อยๆ และสบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวและให้ความชุ่มชื้น หรืออะไรก็ตามที่ใช้แทนสารให้ความชุ่มชื้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อลูกเริ่มมีผิวแห้ง และทาให้ลูก 2-3 ครั้งต่อวัน
สารให้ความชุ่มชื้นที่ใช้ได้มีหลายชนิด ชนิดที่เป็นขี้ผึ้ง (ointment) จะดีที่สุด แต่หากสะดวกจะใช้วาสลีน หรือครีม ก็ใช้ได้เช่นกัน รวมทั้งครีมยาหรือโลชั่นยาชนิดปราศจากสเตียรอยด์ โดยเมื่อเลือกชนิดของสารให้ความชุ่มชื้น คุณอาจต้องลองใช้ดูก่อนหลายๆ ชนิด เพื่อหาว่าแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับลูกของคุณ 

การรักษาผื่นแพ้ในเด็กทำยังไงได้บ้าง

เมื่ออาการผื่นแพ้ของลูกกำเริบ การรักษาที่ใช้โดยทั่วไป คือ ยาแอนตี้ฮิสทามีนชนิดทา เช่น Chlorphenoxamine และยาเสตียรอยด์ชนิดทา มีตั้งแต่ครีม Hydrocortisone ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา ซึ่งมีฤทธิ์อ่อนมากจนอาจใช้ทาหน้าได้ ไปจนถึงยาระดับแรงปานกลางและแรงมากที่ต้องให้แพทย์สั่งใช้เท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะหลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์รุนแรงมากในเด็ก และมักใช้กลุ่มที่แรงปานกลางมากกว่า เช่น Mometasone และ 0.02% Triamcinolone ซึ่งแม้แต่ยาเหล่านี้เองก็ยังมีผลข้างเคียงได้ เช่น ทำให้ผิวบางและมีรอยแตก หากใช้ที่เดิมเป็นระยะเวลานานๆ และยาเหล่านี้ควรใช้อย่างระมัดระวังโดยเฉพาะการใช้กับใบหน้าของเด็กหรือบริเวณจุดอับ เช่น ในผ้าอ้อม
นอกจากนี้ยังมียาชนิดใหม่ที่ปราศจากสเตียรอยด์ที่ประกอบด้วยสารสำคัญ เช่น Pimecrolimus และ Tacrolimus รวมไปถึงยาปรับภูมิคุ้มกันตัวใหม่ๆ ซึ่งอาจช่วยป้องกันการกำเริบของอาการได้ด้วย หากเริ่มใช้ตั้งแต่เห็นสัญญาณของอาการคันหรือผื่นแพ้ โดยให้ใช้ 2 ครั้งต่อวัน ทาให้ทั่วบริเวณที่มีผื่นแพ้ รวมถึงใบหน้า แต่พึงระวังไว้ว่ายาเหล่านี้ห้ามใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่าสองขวบ และมีคำเตือนเรื่องการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเช่นกัน
 ยาต้านฮีสทามีน (Antihistamine) ชนิดรับประทาน ก็เป็นยาที่มักใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาผื่นแพ้ โดยค่อนข้างมีประโยชน์หากอาการคันรบกวนการนอนของลูก เพราะจะช่วยให้หลับได้สบายยิ่งขึ้น หรือหากลูกเกาเมื่อมีอาการคัน พ่อแม่อาจใช้การประคบเย็นช่วยบรรเทาด้วยได้ ในกรณีของผื่นแพ้ที่รักษาได้ยากมาก อาจต้องใช้วิธีอื่นๆ ในการรักษา ซึ่งมีทั้งการทำแผลและการให้สเตียรอยด์กิน การใช้รังสียูวี และการใช้ยากดภูมิคุ้มกันอื่นๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.honestdocs.co

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

สมุนไพรอบสำหรับอยู่ไฟ 12 ถุง ชุดละ 250 บาท



สมุนไพรอบตัวอยู่ไฟ เพื่อตนเอง เอาไว้สำหรับใส่ในหม้อต้ม และใช้ควบคู่กับ กระโจมอบตัว
การอบตัวอยู่ไฟหลังคลอด จะช่วยให้การพื้นตัวหลังคลอดดี ช่วยให้น้ำนมเยอะ ขับน้ำคาวปลา
ไม่เกิดอาการหนาวสะท้านหลังคลอดบุตร

สรรพคุณ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
ขับถ่ายของเสียออกทางผิวหนัง
ลดน้ำหนัก ละลายไขมันส่วนเกิน
บำรุงผิว ช่วยกระจายเลือดลม
ทำให้ทางเดินหายใจสดชื่น
ฟื้นฟูสภาพสตรีหลังคลอดบุตร
ขับน้ำคาวปลา และทำให้น้ำนมไหลดี
ส่วนประกอบ ไพล,ตะไคร่หอม,ผิวมะกรูด,ใบมะกรูด,ใบมะขาม,
ใบส้มเสี้ยว,ใบส้มป่อย,ใบแจง,เปลือดส้มโอ,คลอด คุณแม่หลังคลอด
ว่านนางคำ,พิมเสน,การบูร,ขมิ้นอ้อย,ขมิ้นชัน
วิธีใช้ สมุนไพร 1 ห่อ ประกอบด้วยสมุนไพรอบแห้ง 12 ถุง ใช้ 1 ถุง
ต่อ น้ำ 1-2 ลิตร ๅ ถุงใช้ได้ 2-3 ครั้ง แล้วใช้อบตัวด้วยกระโจม หรือ ตู้อบ


กระโจมอยู่ไฟ ที่ใช้คู่กับสมุนไพรอยู่ไฟสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

https://www.facebook.com/KasiditHerbal/

สนใจซื้อติดต่อ
081-3571859


line:@kasidit-herbal
yatha22@hotmail.com

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

คลีนิคนมแม่




1.โรงพยาบาลศิริราช (คลินิกนมแม่)
ถนนพรานนก บางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700
โทร.02-419-7000 ต่อ 5994-5
โทรสาร.02-418-2560
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

2.โรงพยาบาลรามาธิบดี (คลินิกนมแม่)270 ถนนพระราม 6 ซอยสูติกรรมพิเศษ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร.02-201-1616,02-201-1626
โทรสาร.02-354-7265,02-201-1061
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


3.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (คลินิกนมแม่)
ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330
โทร.02-256-5282
โทรสาร.0-2256-4560
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

4.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ (คลินิกนมแม่)
ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี 12120
โทร. 02-926-9604-5,02-926-9199
โทรสาร.02-926-9333
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


5.โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ (คลินิกนมแม่)67 หมู่7 ถนนรังสิต-นครนายก แขวงองครักษ์ เขตองครักษ์ จังหวัดนครนายก 26120
โทร.037-395-085 ต่อ 10804-10805
โทรสาร.037-395-087
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

6.โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า (คลินิกนมแม่)ถนนราชวิถี เขตราชวิถี กทม 10400
โทร.02-354-7600-28 ต่อ 94044
โทรสาร.02-354-7630
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

7.วิทยาลัยแพทยศาสตร์ กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล (คลินิกนมแม่)
ถนนสามเสน ดุสิต กทม. 10300
โทร.0-2244-3000 ต่อ ห้องฝากครรภ์
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


8.โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช (คลินิกนมแม่)
เลขที่ 171 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองถนน อำเภอสายไหม กทม. 10220
โทร.02-534-7721-3
โทรสาร.02-994-6974
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


9.โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี (คลินิกนมแม่)อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
โทร.039-324-975ต่อ3454,039-311-511
โทรสาร.039-311-511
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


10.โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่คลินิกนมแม่ ชั้น 3 อาคารบุญสมมาร์ติน
โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทร. 053-946-799 เวลา 08.00 น. - 20.00 น.
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


11.โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช (คลินิกนมแม่)
กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราช
ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000
โทร.075-340-250
โทรสาร. 075-343-066
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

12.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ (คลินิกนมแม่)34/40 หมู่ 1 ตำบลทุ่งสองห้อง หลักสี่ กทม. 10220
โทร.02-574-5000-9 ต่อ 8210
โทรสาร.0-25744856
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


13.โรงพยาบาลวิชัยยุทธ (คลินิกนมแม่)71/3 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ ฯ 10400
โทร.02-618-6201, 02-618-6200
โทรสาร. 02-272-2084
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

14.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ (คลินิกนมแม่)203 ถนนสามัคคีชัย ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ 67000
โทร.056-712-235-9
โทรสาร.056-722-091ต่อ 840,309
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


15.โรงพยาบาลบ้านโป่ง (คลินิกนมแม่)
ถนนแสงชูโต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110
โทร. 032-222-836-39
โทรสาร.032-211-766
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


16.โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ (คลินิกนมแม่)
เลขที่ 8 ถนนตก แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กทม.10120
โทร.02-291-0036,02-289-1153-4 ต่อ 3320
โทรสาร.02-291-0176
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

17.Bangkok Nursing Home Hospital (BNH)(คลินิกนมแม่)
เลขที่9/1 ซอยคอนแวน ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทร.02-632-0550ต่อ1521-3
โทรสาร.02-632-0573
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


18.โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า (คลินิกนมแม่)ถนนตากสิน อำเภอธนบุรี กรุงเทพฯ 10600
โทร.02-468-0116-20
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

19.คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพและพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน(คลินิกนมแม่)144 หมู่ 7 ถนนพระประโทน-บ้านแพ้ว ตำบลดอนยายหอม
อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม 73000
โทร.034-229-487
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


20.คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(คลินิกนมแม่)ถนนรามคำแหง24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240
โทร.02-300-4543,02-300-4553
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


21.ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(คลินิกนมแม่)123 ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40002
โทร.043-202-222-41
โทรสาร.043-202-557
เว็บไซต. http://www.kku.ac.th/
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


22.คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (คลินิกนมแม่)
123 ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40002
โทร.043-202-222-41
โทรสาร.043-202-557
เว็บไซต. http://www.kku.ac.th/
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


23.คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต (คลินิกนมแม่)
ถนนพหลโยธิน ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 12000
โทร.02-533-9050-2
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

24.คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ(คลินิกนมแม่)99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12121
โทร.02-926-9999
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

25.โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน(คลินิกนมแม่)124 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทร.02-634-0560-79
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


26.โรงพยาบาลธนบุรี 1(คลินิกนมแม่)34/1 ถนนอิสรภาพ บ้านช่างหล่อ บางกอกน้อย กทม. 10700
โทร.02-412-0020
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


27.โรงพยาบาลสมิติเวช(คลินิกนมแม่)133 สุขุมวิท 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทร.02-711-8000, 02-392-0011 ต่อ ศูนย์สุขภาพสตรี หรือแผนกทารกแรกเกิด
โทรสาร.0-23911290
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


28.โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ (คลินิกนมแม่)
215 ถนนสาธรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
โทร.02-675-5000 ต่อ 10230
โทรสาร.0-22114933
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


29.โรงพยาบาลพระรามเก้า(คลินิกนมแม่)
99 ถนนพระรามเก้า ห้วยขวาง กทม.
โทร.02-248-8020
โทรสาร.02-248-8018
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

30.โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล (คลินิกนมแม่)
90/102 หมู่4 ซอยเสนานิคม แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม.10230
โทร.02-271-0227
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

31.โรงพยาบาลปัตตานี(คลินิกนมแม่)
เลขที่ 2 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000
โทร.073-323-411-5ต่อ115
โทรสาร.073-331-021
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม


32.โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา(คลินิกนมแม่)
ถนนแสงชูโต ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000
โทร.034-511-233ต่อ6600-01
สมุนไพรอยู่ไฟ #การอยู่ไฟเพื่อเพิ่มน้ำนม  #อยู่ไฟเพื่อหุ่นคุณแม่ให้สวยเหมือนเดิม

33.โรงพยาบาลปทุมธานี(คลินิกนมแม่)ถนนปทุม-ลาดหลุมแก้ว ตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 12000
โทร.02-581-5733
สมุนไพรอยู่ไฟ

34.โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา(คลินิกนมแม่)เลขที่ 46/1 หมู่4 ถนนอู่ทอง ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
โทร.035-211-888ต่อ540
สมุนไพรอยู่ไฟ

35.โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ (สูติกรรมหลังคลอด)(คลินิกนมแม่)
เลขที่ 38 ถนนเจษฎาบดินทร์ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ 53000
โทร.055-411-064ต่อ457
สมุนไพรอยู่ไฟ

36.โรงพยาบาลตากสิน(คลินิกนมแม่)543 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กทม.10600
โทร.02-437-0123ต่อ1214
สมุนไพรอยู่ไฟ

37.โรงพยาบาลตราด(คลินิกนมแม่)
108 ถนนสุขุมวิท ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง จังหวัดตราด 23000
โทร.039-511-040ต่อ540
สมุนไพรอยู่ไฟ

38.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 4 (คลินิกนมแม่)
เลขที่ 429 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี 70000
โทร.032-337-509,032-310-368-71ต่อ2212
สมุนไพรอยู่ไฟ

39.โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี (คลินิกนมแม่)
ณ ศรีราชา ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20110
โทร.038-322-157-9ต่อ1418
สมุนไพรอยู่ไฟ

40.โรงพยาบาลกลาง(คลินิกนมแม่)514 ถนนหลวง แขวงเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯ 10100
โทร. 02-221-6141
สมุนไพรอยู่ไฟ

41.โรงพยาบาลราชวิถี(คลินิกนมแม่)
2 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 02-248-3213 - 4
สมุนไพรอยู่ไฟ

42.โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินุธโร อุทิศ(คลินิกนมแม่)39 หมู่4 ถนนเพชรเกษม ซอยเพชรเกษม81 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ 10160
โทร.02-429-3574-81
สมุนไพรอยู่ไฟ

43.โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี(คลินิกนมแม่)
109 หมู่5 ถนนรามอินทรา กม.12 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ 10230
โทร.02-517-4270-9 ต่อ แผนกสายสัมพันธ์แม่-ลูก
สมุนไพรอยู่ไฟ

44.โรงพยาบาลหนองจอก(คลินิกนมแม่)
48 หมู่2 ถนนเลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ 10530
โทร.02-988-4097-8, 02-543-1307, 02-543-1150
สมุนไพรอยู่ไฟ

45.โรงพยาบาลเลิดสิน(คลินิกนมแม่)
190 ถนนสีลม แขวงศรีเวียง เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โืีทร.02-353-9799
สมุนไพรอยู่ไฟ

46.โรงพยาบาลลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร (คลินิกนมแม่)190/15 หมู่ 1 ถนนอ่อนนุช ลาดกระบัง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร.02-326-9995, 02-326-7711, 02-326-7232
สมุนไพรอยู่ไฟ

47.โ่รงพยาบาลภูมิพล (คลินิกนมแม่)
โทร.02-534-7723
สมุนไพรอยู่ไฟ

48.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (คลีนิคนมแม่)
ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทร.02-256-5274, 02-256-5282
สมุนไพรอยู่ไฟ

49.โรงพยาบาลสวนดอกเชียงใหม่ ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพ (คลินิกนมแม่)
โทร.053-210-122 ต่อ 5710
สมุนไพรอยู่ไฟ

50.ศูนย์อนามัยที่ 1 บางเขน กรุงเทพฯ(คลินิกนมแม่)
โทร.02-521-3064, 02-521-3066
สมุนไพรอยู่ไฟ

51.ศูนย์อนามัยที่ 2 สระบุรี(คลินิกนมแม่)
โทร.036-300-830-32
สมุนไพรอยู่ไฟ

52.ศูนย์อนามัยที่ 3 ชลบุรี(คลินิกนมแม่)
โทร.038-786-974-7
สมุนไพรอยู่ไฟ

53.ศูนย์อนาัมัยที่4 ราชบุรี(คลินิกนมแม่)โทร.032-337-509
สมุนไพรอยู่ไฟ

54.ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา(คลินิกนมแม่)โทร.044-291-677
สมุนไพรอยู่ไฟ

55.ศูนย์อนามัยที่ 6 ขอนแก่น(คลินิกนมแม่)โทร.043-243-210
สมุนไพรอยู่ไฟ

56.ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี (คลินิกนมแม่)
โทร.045-288-586
สมุนไพรอยู่ไฟ

57.ศูนย์อนามัยที่ 8 นครสวรรค์(คลินิกนมแม่)
โทร.056-255-451
สมุนไพรอยู่ไฟ

58.ศูนย์อนามัยที่ 9 พิษณุโลก(คลินิกนมแม่)
โทร.055-299-280
สมุนไพรอยู่ไฟ

59.ศูนย์อนามัยที่ 10 เชียงใหม่(คลินิกนมแม่)
โทร.053-276-856
สมุนไพรอยู่ไฟ

60.ศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช(คลินิกนมแม่)
โทร.075-399-460
สมุนไพรอยู่ไฟ

61.ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา(คลินิกนมแม่)
โทร.073-214-200
สมุนไพรอยู่ไฟ

62.คลินิคนมแม่ โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์(คลินิกนมแม่)
222 ถนนพิศษฐพยาบาล ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร 86000
โทร.077-553-334 โทรสาร.077-501-716
สมุนไพรอยู่ไฟ

63.วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนพรัตน์วชิระ (คลินิกนมแม่)
109/1 ถนนรามอินทรา กม.12 แขวงคันยาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ 10240
โทร.02-540-6519 โทรสาร.02-540-6517
สมุนไพรอยู่ไฟ

64.วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์(คลินิกนมแม่)แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม. 10300
โทร.02-244-3530 ต่อ 8213,8214
สมุนไพรอยู่ไฟ

65.วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย (คลินิกนมแม่)
1873 พระราม 4 ปทุมวัน กทม. 10330
โทร.02-256-4092,02-693-6969 โทรสาร.02-256-4090
สมุนไพรอยู่ไฟ

66.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (คลีนิคนมแม่)
ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400
โทร.02-354-8333-43
สมุนไพรอยู่ไฟ

67.คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ(คลินิกนมแม่)
18/18 ถนนบางนา-ตราด กม.18 อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
โทร.02-312-6300 ต่อ 1235 โทรสาร.02-312-6230
สมุนไพรอยู่ไฟ

68.วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีพระพุทธบาท(คลินิกนมแม่)
อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 18120
โทร.036-266-170 โทรสาร.036-267-047
สมุนไพรอยู่ไฟ

69.วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีกรุงเทพ(คลินิกนมแม่)
2/1 ถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม.10400
โทร.02-247-2566 ต่อ 3801 โทรสาร.02-247-3941
สมุนไพรอยู่ไฟ