ระหว่างตั้งครรภ์
อาการท้องผูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว
แต่ยังขึ้นอยู่กับฮอร์โมนในร่างกายอีกด้วย
ร่างกายของคุณแม่จะสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมากขึ้นเป็นพิเศษ
ซึ่งเป็นกลไกการทำงานที่ยอดเยี่ยมของร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ผ่อนคลาย
ช่วยในการขยายตัวของลูกน้อยในครรภ์ แต่ทั้งนี้
กลไกดังกล่าวก็ส่งผลกระทบต่อลำไส้ด้วย เพราะทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ช้าลง
นอกจากนี้ อาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ยังอาจเกิดจากการที่มดลูกไปเพิ่มแรงกดทับบริเวณลำไส้และลำไส้ใหญ่ ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ อาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ยังอาจเกิดจากการที่มดลูกไปเพิ่มแรงกดทับบริเวณลำไส้และลำไส้ใหญ่ ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลงด้วยเช่นกัน
การกระตุ้นการทำงานของลำไส้
เมื่อต้องการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ การเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เป็นสิ่งจำเป็น เช่น ผลไม้ ผักและเมล็ดพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ( whole grains) และควรดื่มน้ำมากๆ เพราะน้ำจะช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น จึงควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว และลองดื่มน้ำผลไม้ต่างๆ เสริมด้วย (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำลูกพรุน)
เมื่อคุณมีอาการท้องอืดและท้องผูก คุณอาจรู้สึกไม่อยากออกกำลังกาย แต่การว่ายน้ำ การเดินหรือ การออกกำลังกายเบาๆ 20-30 นาทีต่อวัน เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ และยังช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ของคุณทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย หากคุณทานวิตามินเสริมหรือธาตุเหล็กชนิดเม็ดต่างๆ ควรปรึกษาสูติแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ของคุณก่อนว่าสามารถทานได้หรือไม่ เพราะวิตามินและธาตุเหล็กมีส่วนทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลงได้เช่นกัน และควรสอบถามสูติแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ของคุณด้วยว่ายาระบายชนิดใดที่สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยระหว่างตั้งครรภ์ แม้ว่าคุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้มัน แต่การเตรียมยาระบายเก็บไว้ก็อาจมีประโยชน์ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น