อาการ
อาการไม่รุนแรง
เป็นธรรมดาที่จะเกิดอาการปวดและเจ็บระหว่างตั้งครรภ์ แต่ไม่จำเป็นที่คุณแม่จะต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้ มีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้น และควรปรึกษาแพทย์หากเป็นกังวลอาการไม่รุนแรง
ปวดหลัง
- ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในช่วงตั้งครรภ์จะทำหน้าที่คลายและยืดเส้นเอ็นต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการคลอด
- ผลจากฮอร์โมนทำให้หลังและสะโพกต้องรับภาระหนักขึ้น
- นวด
- ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อหลัง (ปรึกษานักกายภาพบำบัด)
- เลิกสวมรองเท้าส้นสูง
- นอกบนฟูกที่ไม่ยุบตัว
- ระมัดระวังเวลายกของ
- คอยปรับท่านั่งที่เหมาะสม นั่งในท่าหลังตรงให้ลำคอและแผ่นหลังเป็นแนวเดียวกัน
- พยายามพักผ่อนให้มากที่สุดเมื่อเริ่มท้องแก่
- ปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อลดปัญหาปวดหลัง
ท้องผูก
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและทารกที่เริ่มโตขึ้นทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง และอาจทำให้ท้องผูกได้การบรรเทา
- รับประทานอาหารอุดมด้วยกากใย เช่น ข้าว ขนมปังและพาสตาที่ผ่านการขัดสีน้อย ผักผลไม้ อาหารเช้าจำพวกธัญญพืช ถั่ว
- ดื่มน้ำและน้ำผลไม้มากๆ
เหน็บชา
อาจเกิดอาการปวดเหน็บบริเวณน่องหรือเท้าอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนการบรรเทา
- ออกกำลังกายเบาๆ ช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนเลือด
- เมื่อเป็นเหน็บให้นวดคลึงบริเวณที่เกิดอาการจะช่วยคลายปวด
หน้ามืด/วิงเวียน
เนื่องจากครรภ์จำเป็นต้องอาศัยเลือดปริมาณมากเข้าไปหล่อเลี้ยงจึงอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนได้เป็นปกติการบรรเทา
- พยายามอยู่ในที่เย็น
- หลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานาน
- หากเริ่มมีอาการหน้ามืดให้เปลี่ยนท่านอนตะแคง
- อย่าผลุนลุกขึ้นจากท่านั่ง
ปวดแสบหน้าอก
อาการปวดแสบหน้าอกเกิดจากของกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหาร มักเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในท่านอนหรือหลังรับประทานอาหารบางอย่าง และอาจทำให้นอนไม่หลับการบรรเทา
- ปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอรับยาหรือปรึกษาเพื่อรับการรักษากับแพทย์
- เตรียมหมอนหนุนหลังขณะนอน
- ดื่มนมหนึ่งแก้วสัก 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน และอย่ารับประทานอาหารอะไรอีกหลังจากนั้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้มีอาการ และอย่าเข้านอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
ริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงทวารคือ การมีหลอดเลือดขอดโป่งพองรอบทวารหนักซึ่งอาจเกิดจากแรงดันในท้องบางครั้งอาจมีเลือดออก รู้สึกคันหรือเจ็บ และอาจทำให้ถ่ายลำบาก
อาการมักดีขึ้นหลังคลอด
การบรรเทา
- รับประทานอาหารอุดมด้วยกากใย เช่น ขนมปังและพาสตาที่ผ่านการขัดสีน้อย ผักผลไม้ อาหารเช้าธัญพืช ถั่ว
- ดื่มน้ำและน้ำผลไม้มากๆ
- ปรึกษาแนวทางการรักษาจากแพทย์
บวมที่ข้อเท้า เท้า นิ้ว
ข้อเท้า เท้า และนิ้วมักบวมขึ้นเล็กน้อยในช่วงตั้งครรภ์จากการที่ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากกว่าปกติ โดยมักพบในช่วงหัวค่ำ
อากาศร้อน
ยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน
การบรรเทา
- หลีกเลี่ยงยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน
- สวมรองเท้าใส่สบาย
- ยกเท้าให้สูงไว้เท่าที่จะทำได้ ลองพักผ่อนในท่านอนวันละหนึ่งชั่วโมงโดยยกเท้าให้สูงกว่าศีรษะ
- ลองฝึกการบริหารเท้าตามวิธีด้านล่าง
การบริหารเท้าเพื่อลดข้อเท้าบวม
สามารถทำได้ทั้งในท่านั่งหรือท่ายืน ซึ่งจะช่วยการไหลเวียนเลือด รวมทั้งลดการบวมที่ข้อเท้าและเหน็บชาที่น่องขาเหยียดเท้าขึ้นลงสลับกัน 30 ครั้ง
หมุนข้อเท้า 8 ครั้งสลับกับหมุนทวนทิศทางอีก 8 ครั้ง
อ่อนเพลีย
เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกอ่อนเพลียโดยเฉพาะในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งเมื่อเริ่มท้องแก่การบรรเทา
- ดูแลเรื่องอาหารและน้ำ
- พักผ่อนให้มากที่สุด
- ขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน
อาการที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม
หากคุณแม่กังวลหรือพบอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที- เป็นลมหน้ามืดบ่อย
- ไข้
- ปวดท้องรุนแรง
- บวมที่หน้า มือ และรอบดวงตา
- ตาพร่า
- ปวดศีรษะรุนแรง
- น้ำหนักขึ้นพรวดพราดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เลือดออกจากช่องคลอด
- อาเจียนรุนแรง
- ปวดขณะมีปัสสาวะ
- กระหายน้ำทั้งที่ปัสสาวะน้อยหรือไม่มีปัสสาวะ
- เด็กไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลงหลังสัปดาห์ที่ 22 (น้อยกว่าวันละ 10-12 ครั้ง)
- คันอย่างรุนแรงที่บริเวณท้อง มือ และฝ่าเท้า
- เกิดกระแทกบริเวณท้อง
ครรภ์เป็นพิษ
ครรภ์เป็นพิษหมายถึงอะไรครรภ์เป็นพิษเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเฉพาะระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอดทำให้ความดันเลือดของแม่สูงขึ้น รวมทั้งมีไข่ขาวในปัสสาวะ (รั่วจากไต) และบวมน้ำ ภาวะครรภ์เป็นพิษพบในอัตราส่วน 1 ต่อ 14 ซึ่งมักพบหลังสัปดาห์ที่ 20 ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรักษา การตรวจร่างกายตามนัดก็อาจเพียงพอ อัตราการเกิดภาวะชักจากครรภ์เป็นพิษในผู้ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษอยู่ที่ราว 1 ต่อ 100 และมักพบในช่วง 3 เดือนก่อนคลอด หรือหลังคลอด 48 ชั่วโมง ภาวะชักจากครรภ์เป็นพิษเป็นอาการชักประเภทหนึ่งซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำตัวอย่างปัสสาวะติดมาทุกครั้งที่นัดตรวจครรภ์
อาการ
- ภาวะครรภ์เป็นพิษในช่วงเริ่มเป็นไม่มีอาการแสดง
- ความดันเลือดสูงอาจเป็นสัญญาณชี้ครรภ์เป็นพิษ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจครรภ์ตามนัดทุกครั้ง
- ปัสสาวะมีไข่ขาว (มีโปรตีนปะปนอยู่ในปัสสาวะ) ตาพร่า ปวดศีรษะ
- เมื่อเริ่มรุนแรงขึ้นคุณอาจมีอาการดังนี้
- ปวดศีรษะหรือเวียนศีรษะอย่างรุนแรง
- ปัญหาการมองเห็น เช่น ตาพร่า หรือเห็นแสงกะพริบ
- ปวดท้องส่วนบน
- อาเจียน
- เกิดอาการบวมที่เท้า ข้อเท้า ใบหน้า และมืออย่างฉับพลัน น้ำหนักตัวเพิ่มจากอาการบวมน้ำ
- หากพบว่ามีอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ทันที
- เน้นการลดความดันเลือด โดยมักรักษาด้วยยาและนอนพักยังโรงพยาบาล
- แพทย์จะพยายามควบคุมอาการให้คงที่จนถึงสัปดาห์ที่ 36 เพื่อลดความเสี่ยงในการคลอด
เลือดออกจากช่องคลอด
แม้เลือดออกจากช่องคลอดจะดูน่าวิตก แต่ก็อาจไม่เป็นอันตรายต่อทารกเสมอไปขณะท้องอ่อน
เลือดออกในระยะนี้อาจเป็นสัญญาณของท้องนอกมดลูกหรือแท้งหากพบเลือดออกให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
หลัง 5 เดือน
หากมีเลือดออกให้รีบปรึกษาแพทย์ การพบเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ควรถือเป็นปัญหาสำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น