วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

พืชมีพิษ ผกากรอง

ผกากรอง

ชื่อวิทยาศาสตร์ Lantana camara Linn.
วงศ์ : Verbenaceae
ชื่ออื่นๆ: ก้ามกุ้ง เบญจมาศป่า ขะจาย ตาปู มะจาย คำขี้ไก่ ดอกไม้จีน เป็งละมาศ สาบแร้ง ยี่สุ่น สามสิบ
จีกา หญ้าสาบแร้ง (1)Cloth of Gold, Hedge flower
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่ม ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม มักมีขน ขอบใบหยัก สาก ด้านท้องใบมีขน ดอกเป็นดอกช่อเรียงตัวเป็นรูปกลม มีสีต่างๆ ตั้งแต่สีขาว เหลืองนวล หรืออาจเป็นสองสี ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ ภายในมี 2 เมล็ด (1)




มีสมาชิกท่านหนึ่งเขียนมาถามเรื่องพิษของผกากรอง เนื่องจากเคยได้ยินมาว่าเมล็ดของมันมีพิษมากอาจทำให้ถึงตายได้ แถวบ้านมีปลูกไว้มาก จึงเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็กหากเก็บไปรับประทาน ทางศูนย์ฯได้รวบรวมข้อมูลความเป็นพิษ และวิธีการแก้ไขเมื่อได้รับพิษ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในคนและสัตว์เลี้ยง

ตัวอย่างผู้ป่วย

คนไข้อายุ 50 ปี เกิดผิวหนังอักเสบเนื่องจากใช้ใบผกากรองแห้งทาผิว เนื่องจากผกากรองมีใบหยาบและสาก จึงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังได้เมื่อสัมผัส (2)
เด็กผู้หญิงอายุปีครึ่ง น้ำหนัก 35 ปอนด์ กินผลผกากรองสีเขียว ไม่ทราบปริมาณ ภายหลังการรับประทาน 6 ชั่วโมง มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่สามารถยืนได้ เริ่มอาเจียน และหมดสติ เด็กถูกส่งตัวเข้าห้องพยาบาลทันที ได้รับรายงานว่าเด็กมีอาการ ขาดออกซิเจน หายใจลึก โคม่า และรูม่านตาขยายขนาดเท่าหัวเข็มหมุด (pinpoint pupil) ไม่ตอบสนองต่อแสง รักษาโดยฉีด adrenal steroid เข้าทางกล้ามเนื้อ ฉีด epinephrine 1: 1000 เข้าใต้ผิวหนัง ให้ออกซิเจน และรักษาตามอาการ เด็กหยุดหายใจที่เวลาประมาณ 8.5 ชั่วโมง ภายหลังรับประทาน ผลการชันสูตรศพ พบว่ามีเลือดคั่งที่ปอดและที่ไตเล็กน้อย มีชิ้นส่วนของผลผกากรองสีเขียวจำนวนมากในลำไส้เล็ก สาเหตุการตายเนื่องมาจาก pulmonary edema และ neurocirculatory collapse (3)
เด็กผู้หญิงอายู่ 4 ขวบ น้ำหนัก 32 ปอนด์ ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินภายหลังรับประทานผลผกากรองสีเขียวไปแล้ว 3.5 ชั่วโมง มีอาการในขณะที่มาถึง คือ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หายใจลึก ช้า รูม่านตาขยาย กลัวแสง และอาเจียน ทำการล้างท้องและให้ความช่วยเหลือต่อไปอีก 24 ชั่วโมง ภายหลังเกิดอาการประมาณ 8 ชั่วโมง เด็กสามารถออกจากร.พ.ได้ (3)
เด็กชายอายุ 3 ปี น้ำหนัก 27 ปอนด์ ถูกนำส่งศูนย์ฉุกเฉินประมาณ 5 ชั่วโมงภายหลังทานผลผกากรองสีเขียวของผกากรอง เมื่อมาถึง เด็กมีอาการ อาเจียน ท้องเสียซึ่งในอุจจาระมีผลสีเขียวปนอยู่ หายใจไม่สะดวก ขาดออกซิเจน การตอบสนองของกล้ามเนื้อ tendon ถูกกด ( depressed deep tendon reflexes ) รูม่านตาขยาย และไม่มีแรง ทำการล้างท้องเด็กและฉีด adrenal steroid เข้าทางกล้ามเนื้อ ให้ออกซิเจน และให้ความช่วยเหลือโดยทั่วไป อาการพิษคงอยู่ประมาณ 56 ชั่วโมง และออกจากร.พ.ในวันที่ 5 ภายหลังการเข้ารักษาตัว (3)

มีรายงานการเกิดพิษและการศึกษาพิษของผกากรองในสัตว์ต่างๆ มากมาย เช่น แกะ แพะ วัว และควาย และสัตว์ทดลองประเภทอื่นๆ (4) เพราะในต่างประเทศผกากรองจัดว่าเป็นวัชพืชที่เป็นปัญหาต่อการเลี้ยงสัตว์ (5) มีบ่อยครั้งที่สัตว์เผลอไปกิน ทำให้เกิดบาดเจ็บล้มตาย เจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงต้องศึกษาวิธีการแก้พิษ และรักษา

สารที่ทำให้เกิดพิษ

พิษของใบผกากรองเกิดจากสารกลุ่มไตรเทอร์ปีน ซึ่งเรียกว่า lantadene A หรือ rehmannic acid และ lantadene B กรดไตรเทอร์ปีนส์ สามารถดูดซึมเข้าทางเดินอาหารได้อย่างรวดเร็ว และไปยังตับโดยส่งผ่านเลือดที่ไปเลี้ยง lantadene A อาจออกฤทธิ์ป้องกันการสร้าง bilirubin glucuronide ซึ่งเป็นรูป conjugated ของ bilirubin ที่ไตสามารถขับออกได้ ดังนั้นเมื่อเหลือ bilirubin ตกค้าง จึงทำให้เกิดอาการดีซ่าน ตัวเหลือง และอาการแพ้แสงแดดของผิวหนัง (photosensitization) เกิดขึ้นตามมา (6)
ขนาดที่เป็นพิษของ lantadene A ที่ให้เข้ากระเพาะอาหารเท่ากับ 60-80 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม และของ lantadene B เท่ากับ 200-300 มิลลิกรัม (7,8) แกะตัวผู้ที่ได้รับผงใบ ขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัมในหนึ่งวัน หรือแบ่งให้ทานต่อเนื่องกัน 2 วัน มีอาการของผิวหนังแพ้แสงแดด และดีซ่าน (9) ในคนมักได้รับพิษจากการรับประทานผลมากกว่า เนื่องจากใบและลำต้นผกากรองมีเนื้อหยาบ จึงทำให้รับประทานลำบาก อาการพิษจากการแพ้แสงแดดของผิวหนังและดีซ่าน จึงไม่มีรายงานเกิดขึ้นในคน
นอกจากนี้มีรายงานของสารพิษตัวใหม่ คือ lantadene C ซึ่งถูกแยกจากใบของผกากรอง มีโครงสร้างที่คล้ายกับ lantadene A ทำให้เกิดพิษต่อตับของหมู guinea ด้วยเช่นกัน (10) แม้จะมีรายงานความเป็นพิษของผลผกากรองดิบ แต่สารสำคัญในเรื่องพิษของผลไม่แน่ชัด เนื่องจากมีผู้รายงานว่า Lantadene A ไม่พบในผล แต่ไม่ได้แจ้งว่าผลดิบหรือผลสุก อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีรายงานความเป็นพิษแน่ชัดจึงควรจะระมัดระวังและสอน เด็กๆ ไม่ให้รับประทานผล หรือส่วนอื่นๆของต้นไม้ที่ไม่รู้จัก (11)

อาการพิษ

คนที่ได้รับพิษจากผกากรองมักไม่แสดงอาการพิษทันที แต่จะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง อาการพิษที่เกิดขึ้นได้แก่ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง (lethargy) ขาดออกซิเจน หายใจช้าและลำบาก (labored slow respiration) รูม่านตาขยาย (mydriasis) กลัวแสง กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน (ataxia) โคม่า และการตอบสนองของกล้ามเนื้อ tendonถูกกด ( depressed deep tendon reflexes ) (12)
ส่วนอาการพิษที่เกิดขึ้นในสัตว์ มีพิษกึ่งเฉียบพลันในสัตว์ทดลองที่กินใบผกากรอง คือ ซึม ไม่อยากอาหาร ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย หลังจากนี้ 1-2 วัน จะพบอาการเหลือง และขาดน้ำตามเนื้อเยื่อเมือก กล้ามเนื้ออักเสบ ตาอักเสบ ผิวหนังไวต่อแสง ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบที่เรียกว่า pink nose เจ็บ อาการอักเสบนี้อาจลุกลามไปถึงโพรงจมูก ตา ปาก เกิดเป็นแผลบวม ปลายจมูกแข็ง หนังตาบวม หูหนาและแตก คันหน้าจนสัตว์เลี้ยงถูบ่อยทำให้เป็นแผลหรือตาบอดได้ โดยมากได้รับพิษประมาณ 1-4 อาทิตย์อาจตายได้เนื่องจากไตล้มเหลว ปัสสาวะไม่หยุด อดอาหาร ขาดน้ำ ไม่มีการขับถ่าย มีปริมาณ billirubin สูงในเลือด จึงเหลือง เอ็นไซม์จากตับก็สูง แสดงว่ามีการอักเสบของตับ เมื่อชัณสูตรซากสัตว์ก็พบว่ามีอาการดีซ่าน ตับบวม ถุงน้ำดีโต เนื่องจาก ผนังบวม ไตเหลือง บวม ฉ่ำน้ำ และลำไส้ใหญ่ไม่เคลื่อนไหว (11)
พิษเรื้อรังในสัตว์ที่เกิดขึ้นตามมานอกจากทำให้เกิดอาการแพ้แสงแดดของ ผิวหนังแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังอื่นๆ เช่น ผิวหนังบริเวณปากหรือจมูก หู คอ ไหล่ ขา และส่วนอื่นๆ อาจเป็นสีเหลือง บวม แข็ง แตก และเจ็บ ผิวหนังลอกและเปิด อาจเกิดการอักเสบไปจนถึงเยื่อบุผิวเมือกบริเวณใกล้เคียง ซึ่งอาการเยื่อบุตาอักเสบอาจพบเห็นเป็นบางครั้งในระยะที่ได้รับพิษเฉียบพลัน และอาจมีผลกระทบต่อผิวหนัง เยื่อบุรอบๆตา และที่ตาด้วย (13)
สรุปแล้วอาการพิษที่เกิดขึ้นกับสัตว์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะคือ (4)
ระยะแรก เกี่ยวข้องกับการปลดปล่อย และการดูดซึมของสารพิษจากทางเดินอาหาร
ระยะที่สอง เกิดขึ้นที่ตับ มีอาการตับแข็ง bilirubin และ phylloerythrin สูงในเลือด
ระยะสุดท้าย เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากมี ปริมาณของ bilirubin และ phylloerythrin สูงเกิน
อาการพิษของสัตว์เกิดขึ้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณของพืชพิษที่สัตว์กินเข้าไป

การรักษา

การรักษาอาการพิษในคน หากพึ่งรับประทานไปไม่เกิน 30 นาทีแรก ให้รับประทาน syrup of ipecac เพื่ออาเจียนเอาเศษชิ้นส่วนของพืชออกมา โดยผู้ใหญ่รับประทาน 2 ช้อนโต๊ะ และเด็กอายุ 1-12 ปี รับประทาน 1 ช้อนโต๊ะ หากไม่ได้ผลให้ทำการล้างท้อง ยกเว้นในเด็กที่ได้รับพิษเกินกว่า 3 ชั่วโมง อาจล้างท้องไม่ได้ผล จึงควรให้ยา coticosteroids, adrenaline ให้ออกซิเจน และรักษาตามอาการ (14,11)
การรักษาอาการพิษในสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงที่สงสัยว่าได้รับพิษจากผกากรอง ให้แยกออกจากบริเวณที่มีต้นผกากรองอยู่ ฤทธิ์ของผกากรองภายหลังการรับประทานเข้าไปจะไปทำให้กระเพาะของสัตว์หยุดการ เคลื่อนไหวจึงเป็นสาเหตุให้สารพิษเหลืออยู่ในกระเพาะและดูดซึมอย่างต่อ เนื่อง การแก้พิษโดยป้องกันไม่ให้พิษมีการดูดซึมเพิ่มขึ้นไปอีก โดยให้ผงถ่าน (activated charcoal) ในปริมาณสูงร่วมกับสารละลายอิเลกโตรไลท์เพื่อไปกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหว ของกระเพาะ และทำให้ของเหลวกลับเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ควรรักษาอาการแพ้แสงแดดของผิวหนังด้วย (15)
มีรายงานการทดลองใช้เบนโทไนต์ (bentonite) รักษาอาการพิษแทนผงถ่าน พบว่าสัตว์ทดลองมีอาการดีขึ้นช้ากว่ากลุ่มที่ให้ผงถ่าน 3 วัน แต่ราคาของสารเบนโทไนต์ถูกกว่าผงถ่าน จึงถือได้ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาอาการพิษในสัตว์เลี้ยงวัว (16)

ไม่มีความคิดเห็น: